“ถ้าพูดถึงเรื่องกีตาร์ เราเองมักจะไม่ได้มองที่ราคา แต่จะมองถึงกีตาร์ที่มีผลกับชีวิตของตัวเราเองมากกว่า
กีตาร์ที่มีผลกับชีวิตเรามากที่สุด ก็คงเป็นกีตาร์ตัวถูก ๆ ที่แม่ซื้อให้ เพราะมันคือตัวสำคัญที่ทำให้เรารู้จักเสียงของกีตาร์จริง ๆ”
สุเมธ ยอดแก้ว
ถ้ารู้จักพี่เมธ – สุเมธ ยอดแก้ว เรามักจะเห็นเขาในหลาย ๆ บทบาท ไม่ว่าจะเป็น อาจารย์มหาวิทยาลัย, เจ้าของบาร์, เจ้าของค่าย minimal records, และอีกบทบาทหนึ่งที่น่าสนใจคือ ‘นักดนตรี’
เรื่องราวประสบการณ์ดนตรีของพี่เมธ เป็นเรื่องราวที่น่าสนใจเอามาก ๆ พี่เมธกล่าวว่า เริ่มหัดเล่นกีตาร์ตั้งแต่สมัยมัธยมต้น ความน่าสนใจอยู่ตรงที่กีตาร์ที่ใช้ฝึกนั้น เป็นกีตาร์ที่ต้องจินตนาการเสียงเอาเอง
“เมื่อก่อนเราอยากเล่นกีตาร์ แล้วพี่ชายไม่ยอมให้เล่นเราเลยไปเอาไม้หน้าสามมาตอกตะปู แล้วเอาหนังยางมาขึง ให้ดีดได้ จากนั้นก็เปิดหนังสือเพลง จับคอร์ดตามหนังสือที่เขาสอนจับ ซึ่งจำได้ว่า เพลงแรกที่ใช้ฝึกตอนนั้นคือเพลงของวง ‘พลอย’ จำไม่ได้ว่าเป็นเพลงอะไร เพราะเป็นเพลงที่เราไม่เคยฟัง แต่คอร์ดมันง่ายก็เล่นเพลงนั้นตลอด แล้วก็ร้องตามไปด้วย ร้องในแบบของเรา แบบที่ไม่เคยฟังต้นฉบับ และแบบที่ดีดแล้วไม่มีเสียง (ฮ่า ๆ)
จนมันก็เริ่มเข้ามือ หลังจากนั้นก็เริ่มฝึกเพลงอื่นไปเรื่อย ๆ เริ่มมาฝึก ‘ตลอดเวลา ปู-พงษ์สิทธิ์’ เพลงนี้รู้จักก็จะเล่นเป็นเร็ว และร้องตามได้ ฝึกอยู่อย่างงี้อยู่นาน จนแม่เห็นแล้วสงสาร เลยซื้อกีตาร์ถูก ๆ ให้ตัวหนึ่ง ครั้งแรกที่ได้ยินเสียงนี้แบบ โอ้!! เสียงมันเป็นแบบนี้เองจินตนาการ มาตั้งนาน”
เห็นได้ชัดว่าพี่เมธ มีทั้งความพยายามและพรสวรรค์อยู่ในตัวพอสมควร จากนั้นชีวิตของเขาก็ดำเนินมาพร้อมกับมีเรื่องของดนตรีเป็นองค์ประกอบมาโดยตลอด ทั้งตอนมัธยมปลาย ชีวิตมหาลัย และในปัจุบัน เราเลยอดไม่ได้ที่จะถามถึงเรื่อง อุปกรณ์ดนตรี อย่างกีตาร์ และเรื่องราวของกีตาร์ของพี่เมธที่เคยใช้มา ว่าแต่ละตัวมันมีเรื่องราวอะไรที่น่าสนใจบ้าง
“ในตอนทำวง Migrate to the Ocean (ไมเกรท ทู ดิโอเซียน) เองเรายังไม่มีกีตาร์เป็นของตัวเองอย่างจริง ๆ จัง ๆ เพราะเรายืมคนอื่นใช้ตลอด (ฮ่า ๆ) มันเริ่มจาก กีตาร์ไฟฟ้าตัวแรก ที่เราเอามาเล่นกับวง เป็นกีตาร์ของรุ่นพี่ที่เขาทิ้งไว้ที่ห้อง คือตอนสมัยเราอยู่ปี 4 ปี 5 เราย้ายเข้าไปอยู่หอกับรุ่นพี่คนหนึ่ง อยู่ได้สักพักรุ่นพี่เรียนจบก็ขนของย้ายออกไป แต่แกทิ้งกีตาร์ไว้ 1 ตัว ผ่านไปเป็นปีก็ยังไม่กลับมาเอา เราเลยยึดซะเลย ก็เอามาเล่น พอได้เล่นก็เลยรู้ว่าทำไมเขาถึงทิ้งไว้ เพราะมันเสียงห่วยมาก ขายก็คงได้ราคาไม่เยอะ แต่ตอนนั้นก็คิดแค่ว่า เสียงออกก็เอาแล้ววะ (ฮ่า ๆ) เพราะเราไม่มีกีตาร์ไง ก็เลยเล่นไปสักพัก เอาไปเล่นที่กรุงเทพฯ ด้วยนะเล่นในงานของ ‘Fat Radio’ ซึ่งตอนนั้น 25 hours กำลังจะเริ่มดัง พี่จุ๋ย ก็กำลังมา กำลังปล่อยเพลงใหม่ และคิดดูว่ากูเอากีตาร์ตัวนี้ไปเล่นบนเวทีอย่างงั้น (ฮ่า ๆ ๆ) แต่มันก็เป็นกีตาร์ (ไฟฟ้า) ตัวแรกของเราอะนะเป็นผู้มีพระคุณกับเรา และตอนนี้เราก็ยังคงเก็บมันไว้”
“ต่อมา เพื่อน (โบว์ – มือกีตาร์ Sustainer) เห็นว่าเราใช้กีตาร์ตัวนั้น ก็สงสารเลยให้ยืมกีตาร์ คือตัวสีแดง เราก็ยืมมาใช้ และให้ยืมเอฟเฟคด้วย ในตอนนั้นยังไม่มีความคิดที่อยากจะซื้อกีตาร์เป็นของตัวเอง เพราะเราคิดว่าเราไม่ได้ไปสายนักดนตรีจริงจัง เรื่องดนตรีคืองานอดิเรก คิดแค่เล่นสนุก ๆ กับเพื่อน (ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่คิดที่จะจริงจัง ฮ่า ๆ)
ก็ใช้ตัวสีแดงมานานหลายปีพอสมควร จนเพื่อนมาบอก ขอกีตาร์คืนจะเอาไปขาย (ฮ่า ๆ) ตอนนั้นจำได้ว่าตอนมีงานเล่น ก็จะไปยืมกีตาร์คนอื่นคนนั้นบ้าง คนนี้บ้าง เลยเป็นที่มาของ ‘สุเมธ กีตาร์ยืม’
จนสุดท้ายแล้ว ก็ถึงเวลาของการซื้อกีตาร์ตัวแรก หลังจากเป็นสุเมธกีตาร์ยืมมาหลายปี บวกกับตอนนั้น ไมเกรทฯ เริ่มมีงานเล่นมากขึ้น
“ตอนนั้นไปซ้อมดนตรี แล้วได้เจอรุ่นพี่ที่รู้จักกัน เล่นกีตาร์อยู่ เราได้ยินก็รู้สึกสนใจว่าเป็นกีตาร์อะไร เสียงเพราะจังเลยและช่วงนั้นเป็นช่วงที่กีตาร์ญี่ปุ่นกำลังเป็นที่นิยมในกลุ่มของพวกเรา พอเข้าไปคุยไปดู มันคือกีตาร์ยี่ห้อ Fresher มีอยู่สองตัว คอดำกับ คอขาว เราอยากได้คอขาว เพราะเสียงดีกว่า แต่สุดท้ายก็ได้คอดำมา ในราคา 6,500.- เมื่อประมาน 10 ปี ที่แล้ว และตัวนี้คือตัวที่ใช้อัดเพลงในอัลบั้ม ของ ไมเกรทฯ ทั้งหมด จะสังเกตุว่ากีตาร์เราไม่ได้แพงอะไร เพราะตอนนั้นไม่มีเงิน ถึงมีก็ไม่ซื้อแพง เพราะว่าซื้อมาก็ใช้ไม่คุ้มเท่าไหร่ เพราะศักยภาพของเรา ก็เลยว่าเอาเท่านี้ละกัน ให้พออัดได้ แล้วก็ใช้ตัวนี้มาเรื่อย ๆ
.
จนได้กีตาร์ตัวล่าสุด ก็คือ รุ่นพี่คนเดิมก็เอากีตาร์มาฝากไว้ ในช่วงที่แกร้อนเงิน เป็นกีตาร์ทรง Tele ยี่ห้อ Fender แกบอกเดี๋ยวมีเงินแล้วจะมาเอาคืน จนตอนนี้ก็ยังไม่มาเอา (ฮ่า ๆ) ก็ถ้ามองก็เห็นว่า วิวัฒนาการการเล่นกีตาร์ของเราละเอียดขึ้น เหตุที่หลัง ๆ มาเราหันมาใช้ Tele บ่อย เพราะ โทนกีตาร์ของมือกีตาร์อีกคนในวง (แตง มือกีตาร์โซโล่ Migrate to the Ocean) โทนกีตาร์ของแตงจะติดแหลม แล้ว Fresher เก่าของเราก็แหลม มันเลยจะชนกัน แต่พอได้ Tele มาก็โอเคหน่อยพอไปด้วยกันได้”
คำถามที่เรากำลังจะถาม ทำเอาพี่เมธนิ่งคิดอยู่พักหนึ่ง กับคำถามที่ว่า ‘กีตาร์ในฝันของพี่เมธ คือตัวไหน’ … หากเป็นมือกีตาร์คนอื่น คงตอบมาแบบไม่ต้องใช้เวลาในการคิดนาน และตอบทันที 1-3 ตัว แต่สำหรับพี่เมธ คำถามนี้อาจจะเป็นคำถามที่ค่อนข้างยาก และสุดท้ายคำตอบที่ได้คือ ‘ไม่มีกีตาร์ในฝัน’
“ด้วยความที่เราไม่ได้จริงจังกับ บทบาทนักดนตรีเท่าไหร่ เราทำให้เรารู้สึกว่าเราเล่นกีตาร์ตัวไหนก็ได้ แต่อาจจะติดเรื่องโทนนิดหน่อย คือไม่ติดแหลม”
ก่อนจะจากพี่เมธได้บอกกับเราว่า สำหรับตัวพี่เมธแล้วถ้าพูดถึงเรื่องกีตาร์ เขาเองมักจะไม่ได้มองที่ราคา แต่จะมองถึงกีตาร์ที่มีผลกับชีวิตของตัวเขามากกว่า ถ้าพูดถึงกีตาร์ที่มีผลกับชีวิตของพี่เมธมากที่สุด ก็คงเป็นกีตาร์ตัวแรก กีตาร์ตัวถูก ๆ ที่แม่ซื้อให้ เพราะมันคือตัวสำคัญที่ทำให้พี่เมธรู้จักเสียงของกีตาร์จริง ๆ
เราเองเชื่อว่า กีตาร์หรือเครื่องดนตรีทุกชิ้นบนโลกนี้ มักจะมีเรื่องราวที่งดงามและน่าจดจำเสมอ
music story เรื่องต่อไปพบกับ มือกีตาร์คนเก่ง พี่เบียร์ Solitude Is Bliss กับเรื่องราว กีตาร์ตัวใหม่ทั้งสองตัวที่พึ่งได้มา พร้อมกับเรื่องราวกีตาร์ตัวแรก และกีตาร์ที่ใช้ประจำของเขา รวมถึงบอร์ดเอฟเฟคกีตาร์ ที่พาแฟนเพลงไปดำดิ่งในห้วงดนตรี เรื่องราวจะน่าสนใจขนาดไหน อย่างลืมติดตามกันในบทความหน้านะ
🙂 music from the independent mind.