ภาพโดย :
Sarawut Muangchom
Duenpen Intakon

จากผลงานอัลบั้มแรก “The Deepest State of Mind” ในปี 2014 และผ่านมา 8 ปี พวกเขาได้กลับมาพร้อมกับอัลบั้มที่ 2 “If you gaze into the abyss, the abyss gazes also into you.” ถือเป็นการเติบโตขึ้นมากพอสมควร ทั้งในด้านทิศทางของดนตรี และจุดยืนใหม่ของวง

ถึงแม้อัลบั้มใหม่จะพึ่งถูกปล่อยออกมาแต่ก่อนหน้านี้ SAPAPSUPAP ยังคงทยอยปล่อยเพลงออกมาเรื่อยๆ เริ่มจากจุดเริ่มต้นของอัลบั้มนี้คงมาจากเพลง กอด (Goth)”  ที่ปล่อยเมื่อ มกราคม ปี 2020, “ความผิดหวัง (Suppress)” ปี ธันวาคม 2020, “เวียน (Void)” ปี ต.ค. 2021, และ “GROW” เมื่อต้นปีที่ผ่านมา

วันนี้ SAPAPSUPAP เลยมาเล่าให้ฟังถึงตลอด 8 ปีที่ผ่าน และเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับอัลบั้มใหม่นี้
แจ๊ส : 8ปีจากอัลบั้มแรก เราผ่านการเปลี่ยนถ่ายสมาชิก เราผ่านการเปลี่ยนแปลงหลายๆ อย่าง จนมาเป็นเราในตอนนี้ จริงๆ เราใช้เวลา 2-3 ปีช่วงโควิดในการทำอัลบั้ม ช่วงนั้นเราได้เจอกันบ่อยขึ้น ได้มีเวลาด้วยกันเยอะขึ้น เลยมีเวลาและการวางแผนอัลบั้มกัน

โจโจ้ :ใช่ครับช่วงโควิดทำให้เรามีเวลาคิดทบทวนตัวเอง

ปูน : จริงๆ แล้ว พึ่งได้เข้ามามีส่วนร่วมในการทำเพลงกับสภาพสุภาพอย่างเต็มตัวเมื่อช่วง 3-4 ปี ที่ผ่านมา โดยตอนแรกพี่แจ๊สจะเป็นคนที่วางโครงและ concept ของเพลงมาไว้อยู่แล้ว ก่อนที่จะเข้าห้องอัดกัน อย่างเช่นเพลง กอด, ความผิดหวัง ซึ่งหลังจากนั้นเราเลยเริ่มเห็นภาพของอัลบั้มว่าเราอยากไปในทิศทางไหนเราเลยเริ่มที่จะเปลี่ยนวิธีการทำเพลงกันและมีการทดลองกับซาวด์ดนตรีกับการแชร์ความคิดกันมากขึ้นและมันทำให้อัลบั้มนี้มีความรู้สึกของดนตรีหลากหลายแบบเข้ามาผสมรวมกัน

แซงค์ : ได้ทดลองทำอะไรใหม่ๆ มากขึ้น จากอัลบั้มเดิมเยอะมาก เป็นอะไรที่สนุกดี


จากอัลบั้มแรก สู่อัลบั้มที่ 2 อะไรบ้างที่หายไป และอะไรบ้างที่เกิดขึ้นใหม่

ปูน : สำหรับผมไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรที่หายไป ความเป็นสภาพสุภาพแบบดั้งเดิมมันอยู่ในวิธีการเขียนเนื้อร้องขอพี่แจ๊สกับซาวด์กีตาร์ของพี่โจ และสิ่งที่เกิดขึ้นมาใหม่ก็คือการเริ่มใช้เสียงสังเคราะห์ต่างๆ ที่หลุดออกจากภาพเดิมของสภาพสุภาพ และการเรียบเรียงดนตรีในรูปแบบที่ต่างออกไป

แจ๊ส : สิ่งที่เกิดขึ้นใหม่มันคือการได้ทำอะไรที่แตกต่างไปจากเดิม

โจโจ้ : เหมือนที่ปูนพูดครับ พวกเรายังคงมีกลิ่นอายของความเป็นสภาพอัลบั้มแรกแต่มีการเติบโตขึ้นทางด้านดนตรี

แซงค์ : ไม่มีอะไรหายไป แค่เราทำอะไรที่มันใหม่ขึ้น

ช่วยพูดถึง …
concept ของอัลบั้มนี้หน่อย

ปูน : สำหรับผมเองคิดว่าอัลบั้มนี้เราตั้งใจใช้เสียงสังเคราะห์ในเพลงแบบเต็มที่และพยายามให้มันสามารถกลมกลืนได้กับซาวด์ดั้งเดิมของสภาพสุภาพ เราจึงลงความเห็นกันว่าภาพที่ออกมาของอัลบั้มนี้น่าจะไปในทางของ Retro futurism หรืออารมณ์ประมาณภาพยนตร์ช่วงยุค 80’s

แจ๊ส : มันจะลิ้งก์ไปถึงปกอัลบั้มด้วยนะ ที่เราตั้งใจให้มันเหมือนปก VHS เก่าๆ

โจโจ้ : ใช่ครับรวมถึงเรื่องซาวด์ดนตรีที่เราตั้งใจให้เป็นยุคนั้น

อะไรคือตัวตนของ
SAPAPSUPAP ในอัลบั้มนี้

ปูน : ชีวะจักรกล
แจ๊ส : การเริ่มทำสิ่งใหม่ๆ และการเติบโตครับ
โจโจ้ : ซาวด์ที่มีเอกลักษณ์ชัดเจนครับ
แซงค์ : ความแปลกใหม่ที่โคตรเท่

เพลงที่ถูกทิ้งไว้ เป็นเพลงที่ดูต่างไปจากเพลงอื่นๆ ช่วยเล่าเกี่ยวกับเพลงนี้ให้ฟังหน่อย

โจโจ้ : เพลงที่ถูกทิ้งไว้เกิดจากความรู้สึกที่เป็นผู้ให้โดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน จุดเริ่มต้นมาจากวันพ่อปีที่แล้วผมไปร้านไก่เคเอฟซี ก็สั่งอาหารปกติในระหว่างที่รอ ก็มีครอบครัวนึงนั่งกินกันอยู่ใกล้ๆ คุณพ่อคุณยายแล้วก็ลูกสาวที่กำลังพูดคุยกัน คุณพ่อพูดกับลูกสาวว่าวันหยุดครั้งหน้าถ้าพ่อกลับมาจะพามากินของอร่อยๆ กันอีกนะ อยู่กับคุณยายก็เป็นเด็กดีนะ ตัวคุณพ่อเองกินแค่เฟรนช์ฟรายส์ไม่กี่ชิ้น ส่วนไก่ให้คุณยายและลูกสาวกิน แล้วเมโลดี้ก็เข้ามาในหัวผม ก็เลยเกิดเป็นเพลงที่ถูกทิ้งไว้ ส่วนคำถามที่ว่าทำไมดูแตกต่างจากเพลงในอัลบั้มส่วนตัวคิดว่าอยากให้มีกลิ่นเดิมของอัลบั้มแรกเพื่อ เป็นการปูทางไปสู่ดนตรีแบบใหม่ในอัลบั้มที่สองครับ

แจ๊ส : ผมว่าเพลงนี้มันกลิ่นสภาพสุภาพแบบเดิมเลยนะ แต่เราใส่ซาวด์แบบอัลบั้มใหม่เข้าไป

ปูน : ผมมองว่าเพลงนี้มันเป็นรอยต่อระหว่างสภาพสุภาพอัลบั้มแรกกับอัลบั้มนี้


ช่วยเล่ากระบวนการ
แต่ละสเตปให้ฟังหน่อย

ปูน : ถ้าเริ่มจากช่วงของเพลงเวียน เราจะลงมือทำเองแทบทุกกระบวนการยกเว้นการ edit และ mix, mastering และใช้เวลาอยู่ด้วยกันในการทำเพลงแต่ละเพลงแทบจะตลอดเวลา ตั้งแต่นั่งเลือกเสียงต่างๆ รวมถึงการคิดไลน์ของเครื่องดนตรีแต่ละชิ้น

แจ๊ส : เพลงเวียนนี่ Home studio มากๆ เลย หลังจากนั้นเราก็เหมือนเพิ่มเลเวลการทำเพลงของตัวเองขึ้นเรื่อยๆ จนมาเป็นอัลบั้มยังไงล่ะ!

เชื่อว่า ตลอดระยะเวลาการทำเพลง คงมีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้น ช่วยพูดถึงเรื่องราวที่ประทับใจ และไม่เคยลืม

ปูน: ความประทับใจมันมีอยู่ในทุกกระบวนการของการทำเพลงครับ อัลบั้มนี้มันเป็นการที่ทุกคนได้เอาตัวเองใส่ลงไปในเพลงซึ่งถ้าสังเกตุดูแต่ละเพลงจะมีความชัดเจนของมันอยู่ นอกจากนี้ส่วนมากเป็นเรื่องตลกๆ ที่เราไม่เคยทำกันในชีวิตปกติ อย่างเช่นการต้องตื่นเช้ามากๆ ตุนอาหาร (ขอบคุณมะม่วงโบ๊ยที่เรากินกันไปเป็นจำนวนมหาศาล) เพื่อขึ้นไปอัดเพลงบนสตูดิโอที่อยู่ไกลมากๆ และด้วยความที่ว่าพวกเราไม่มีมือกลองเป็นของตัวเองกันในอัลบั้มนี้ การเขียนกลองในเดโม ถูกเขียนโดยพวกเราที่ไม่ค่อยเข้าใจการเป็นมือกลองเลยมักจะมีลูกส่งที่ประหลาดแหละทำให้มือกลองที่มาอัดหรือ back up ให้เราปวดหัวกัน

 

แจ๊ส : ใช่ๆ ตอนขึ้นไปอัดที่ SL1 Studio ก็สนุกมาก เข้าห้องอัดอาทิตย์หนึ่ง ช่วยกันแก้ปัญหาต่างๆ มันสนุกที่ได้ช่วยกันแหละ ตลกกับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ จนเหนื่อยอ่ะ และผมก็ชอบตอนเราเขียนเพลงด้วยกันนะ เพลง “ตัวละครหลักที่รักไม่ได้” เป็นเพลงเดียวในอัลบั้มที่ทุกคนมีส่วนร่วมในการเขียนเนื้อเพลง ตอนเขียนมันส์มาก เราเอาประสบการณ์จากแซงค์มาเขียน เปิดประสบการณ์ใหม่ดีครับ
โจโจ้ : สำหรับผม เรามีโอกาสได้ใช้เวลาด้วยกันมากขึ้นในช่วงเข้าห้องอัด ได้พูดคุยหัวเราะกัน
แซงค์ : ได้มีเวลาอยู่ด้วยกัน เรียกได้ว่าเจอกันทุกวัน การอัดเพลงที่ Studio ในวันสุดท้ายได้เกิดเหตุการณ์ไฟดับอัดต่อไม่ได้ ต้องขอขอบคุณเบียร์เย็นๆ ที่ทำให้เราได้มีกิจกรรมทำระหว่างรอให้ไฟมา

อะไรคือเหตุผลที่ควรซื้ออัลบั้มนี้

แจ๊ส : อัลบั้มนี้เรามีส่วนร่วมทุกขั้นตอนตั้งแต่กระบวนการการทำเพลงจนถึงหน้าปกอัลบั้มพวกเราเลือกเองหมดทุกอย่าง เป็นงานที่พวกเราตั้งใจกับมันมากจริงๆ สรุปคืออัลบั้มนี้มันเท่มาก ควรซื้อซะนะ!

โจโจ้ :ใช่ครับเราตั้งใจทำในทุกขั้นตอน ตั้งแต่หว่านเมล็ดพรวนดินไปจนถึงตอนกิ่งเลยครับ

ปูน : ถ้าไม่ซื้อชีวะจักรกลจะครองโลกในปี 2045

แซงค์ : มีไว้ก็เท่แล้ว

อยากบอกอะไรถึงวง SAPAPSUPAP ใน 8 ปีก่อน และ 8 ปีข้างหน้าบ้าง

แจ๊ส : 8 ปีก่อนมันสวยงามในแบบของมันอยู่แล้ว และอีก 8 ปีข้างหน้าก็ยังเป็นแบบนั้นอยู่

ปูน : เหมือนพี่แจ๊สครับ

โจโจ้ : 8 ปีก่อนก็เป็นพวกเรา 8 ปีหน้าก็ยังคงเป็นเราสภาพสุภาพครับ

แซงค์ : เหมือนพี่โจครับ



สำหรับเราแล้วเรามองว่า ความสวยงามของ SAPAPSUPAP นั้นไม่เคยแตกต่างไปจาก 8 ปีที่แล้วเลย ถ้าจะต่างก็คงเป็นการเติบโตขึ้นอย่างสวยงามในแต่ละช่วงปี

อัลบั้มสภาพสุภาพ และขอที่ระลึกต่างๆ เปิดให้จับจองกันแล้ว
มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตของ SAPAPSUPAP กันค่ะ