เรื่องโดย : Warunchit Seanjaiwut |
ภาพโดย : ployynap

ก่อนหน้านี้ครั้งแรกที่เจอกับลาวิน ก็คงจะเป็นที่กองถ่ายมิวสิควิดีโอเมื่อ ‘เธอเดินจาก’ ตั้งแต่ที่รู้จักกันมาสิ่งหนึ่งที่ค้นพบคือ เขาเป็นเด็กหนุ่มที่มีพลังเหลือล้น สดใส เขาทำงานที่ตัวเองรักซึ่งก็คือการเล่นดนตรีอย่างสุดความสามารถ เติบโตผ่านการทำงานที่มากฝีมือขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เป็นคนที่มีแพสชันเรื่องงานดนตรีแบบล้นปรี่ ไม่ใช่แค่ทำเพลงให้ดี ยังแต่รวมถึงการวางตัวให้ดีด้วย  และอีกด้านหนึ่ง เขาคือนักศึกษามหาวิทยาลัยชั้นปี 5 จากคณะสถาปัตยกรรม ที่กำลังจะเรียนจบในเทอมหน้า

จุดเริ่มต้นความฝันบนเส้นทางดนตรีของลาวิน ถ้าจะพูดไปแล้วก็คงเหมือนเป็นพรหมลิขิต เขาเล่าให้ฟังว่าความจริงแล้วก็ชอบเล่นดนตรีมาตั้งแต่ช่วงสมัยที่เรียนมัธยมต้น เพราะเมื่อก่อนจากกระแสภาพยนต์เรื่อง Suckseed ทำให้เหล่าเด็กนักเรียนชายในสมัยนั้นทำสิ่งที่เรียกว่าการ ‘รวมวง’ ลาวินเองก็เป็นหนึ่งในนั้น โดยเริ่มต้นจากการเป็นมือกีตาร์มาก่อนตอนสมัยมัธยมต้น

พอหลังจากเลื่อนชั้นขึ้นมัธยมปลายก็จับพลัดจับผลูมาอยู่ในตำแหน่งนักร้องนำ แทน แต่น้องบอกถึงความรู้สึกกับเราว่าไม่ค่อยจะชินกับตำแหน่งนี้สักเท่าไหร่ แต่หลัก ๆ แล้วจุดเริ่มต้นของเขาก็เริ่มต้นจากจุดเล็ก ๆ อย่างนี้แหละ บวกกับสมัยตอนเรียนมัธยมที่ทำให้เขารู้สึกว่าแพสชั่นการเล่นดนตรีของตัวเอง เริ่มขึ้นมาจากช่วงนั้นเอง

แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นกับจริงจังว่าต้องเป็นนักดนตรีจริงจัง ถึงแม้ที่บ้านจะสนับสนุนส่งไปเรียนดนตรี แต่ก็ไม่ได้รู้สึกสนุกอะไร ชอบที่จะมาเล่นเองมากกว่า

“จริงๆ ตอนเด็กๆ พ่อก็ชอบให้เล่นดนตรี เพราะคุณพ่อเองก็เล่นกีตาร์ด้วย เขาก็ซื้อกีตาร์ให้ พาไปเรียนกีตาร์ แต่ก็ไม่ได้เป็นแรงจูงใจขนาดนั้นถ้าเทียบกับสังคมตอน ม.ต้น เป็นกีตาร์คลาสสิค ซึ่งก็เรียนเป็นพื้นฐานให้มีความรู้

ก่อนที่จะมาทำเพลงลงช่องยูทูปของตัวเอง เขาก็เล่าให้ฟังว่าพอเริ่มเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยก็ได้มีโอกาสเปิดโลกการฟังเพลง ซึ่งแตกต่างจากตอนเรียนอยู่สมัยมัธยมต้นที่ส่วนใหญ่ตอนนั้นจะฟังประเภทเพลงร็อคตามกระแส 

“ช่วงมหาลัยเราก็เริ่มเปิดกว้างมากขึ้น ฟังเพลงสากลที่มีกรูฟ ที่เป็นจังหวะโดดเด่นแบบซ้ำ ๆ เป็นที่จดจำ ทำให้ตัวเพลงฟังดูน่าดึงดูด ไม่ได้หนักไปทางร็อคเหมือนเมื่อก่อน และนอกจากเพลงที่มีกรูฟ ก็มีรีฟกีตาร์ ที่เด่นขึ้นมา ส่วนของเนื้อเพลงเราก็ค่อนข้างซีเรียสกับการเชื่อมคำ การวางคำต่าง ๆ ในเนื้อเพลง เรารู็สึกว่าเพลงสมัยนี้บางที่การใช้คำ คำเชื่อมอาจจะถูกลดความสัมพันธ์ไปบ้าง อย่างเราชอบเพลงเก่าๆ ของ ธีร์ ไชยเดช ที่ในเนื้อเพลงมันดูมีอะไรบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในนั้น”

ป้าหมายของเขาบอกกับเราไว้ว่าที่เคยวาดฝันไว้คร่าว ๆ ว่าหากถึงจุดหนึ่งถ้าแก่ตัวไปก็อยากจะทำเพลงไปเรื่อย ๆ อยากอยู่กับดนตรีไปตลอดจนถึงวันที่เล่นไม่ไหว 

ตั้งแต่ลาวินเริ่มทำเพลงเองลงชาแนลของตัวเอง จนมาถึงวันนี้ที่ได้มาเป็นศิลปินในค่ายก็เรียนรู้เติบโตขึ้น โดยเล่าให้ฟังว่าก่อนหน้านี้ที่ทำเพลงเองแทบจะไม่มีความรู้เลย ในการอัดเพลงและการใช้อุปกรณ์อัดเสียงที่ได้มาจากคุณพ่อซึ่งขณะนั้น เขาเองก็ไม่ ได้มีความรู้ทั้งเรื่องการอัดเสียง และการใช้อุปกรณ์เครื่องมือต่าง ๆ มากนัก ส่งผลให้คุณภาพของเพลงดูจะไม่ได้เป็นไปดั่งใจเสียทีเดียว 

“แต่พอหลังจากที่เราทำเพลงแรกแล้ว ในเพลงที่สองเราก็รู้แล้วว่าเราบกพร่องตรงไหนยังไง ก็เอามาพัฒนาปรับปรุง การทำงาน พอเราได้ก้าวเข้ามาทำงานในค่ายแล้วก็ยังได้อัดในส่วนของตัวเองอยู่บางส่วน ซึ่ง เราก็ทำให้เราได้พัฒนาความรู้ ประสบการณ์มากขึ้น”

ส่วนในด้านเนื้อหาของเพลงที่เติบโตขึ้นลาวินบอกกับเราว่าตอนนี้การปรับเปลี่ยนการทำงานที่แตกต่างไปจากเดิม โดยแต่เดิมวิธีการทำงานของเขาคือการจมอยู่กับไอเดียและเพลงนั้น ๆ  แต่ตอนนี้ถ้าเพลงไหนเขียนไปแล้วเจอทางตัน ก็จะหยุดพักไว้ก่อนแล้วไปเขียนเพลงอื่นก่อน ส่วนในด้านของเนื้อหาก็พยายามจะใช้เหตุการณ์ สถานการณ์ใหม่ ๆ มาเป็นนำเสนอเป็นเนื้อหาในเพลง



“เพลงของผมที่เขียนก็จะมีทั้งประสบการณ์ของตัวเอง และจากประสบการ์ของคนอื่นด้วย มีหลายอย่างครับบางทีผมก็จะจินตนาการขึ้นมา แต่ส่วนใหญ่จะเริ่มมาจากคอร์ดกีตาร์ครับ แล้วก็จะลองสัมผัสอารมณ์มันแล้วค่อยจำลอง หรือเอาเหตุการณ์ต่าง ๆ มาใส่ทีหลังครับ เรียกว่าเริ่มจากเมโลดี้ก่อนก็ได้ครับแล้วที่เหลือจะตามมา”

โดยในการทำงานส่วนใหญ่ลาวินค่อนข้างชอบที่จะใช้ทางคอร์ดเมเจอร์บวกกับ เนื้อหาของเพลงที่เศร้า ซึ่งโดยปกติแล้วคนส่วนใหญ่จะเลือกใช้ทางคอร์ดไมเนอร์กับเพลงเศร้ามากกว่า เลยทำให้เพลงของเขามีคอนทราสท์ และทำให้เพลงดูมีมิติมากกว่า ซึ่งที่ปล่อยไป ‘เมื่อเธอเดินจาก’ ก็เริ่มต้นโดยเริ่มจากคอร์ดก่อน แล้วตามมาด้วยกรูฟ และรีฟกีตาร์ที่ทำให้รู้สึกว่าดนตรีมีความพุ่ง รวมกับเนื้อหาของเพลงที่ทำให้ออกไปทางอารมณ์ทำนองประชดประชันกัน

“เนื้อหาของเพลงก็จะพูดถึงอาการของคนเพิ่งถูกทิ้งมา หรือเป็นอารมณ์ประชดคนรักเก่าที่ทิ้งเราไป ส่วนที่มาของเนื้อหาเหตุการณ์ก็เป็นการคิดจำลองขึ้นมาเองครับ เช่นท่อนแรก ‘น้ำตารินอีกครั้ง ไหลชโลมแผ่นหลัง ผู้ที่เดินจากฉันไปไม่กลับ’ พอเราขึ้นท่อนแรกมาได้ก็เอามาจินตนาการแต่งต่อ”

เนื้อหาในส่วนของ MV ‘เมื่อเธอเดินจาก’ จะพูดถึง ‘ฝันร้าย’ อันมีที่มาจากฝันร้ายในความสัมพันธ์ของลาวินคือ การถูกลืมเลือน หรือถูกทิ้งไว้ข้างหลังโดยที่ไม่รู้ตัว หรือการถูกเฉยชาใส่ เรียกได้ว่าเป็นอาการที่ทำใจได้ยากสำหรับคนถูกทิ้ง เปรียบได้กับฝันร้ายที่ค่อย ๆ เกิดขึ้น โดยในมิวสิควิดีโอมีภาพแทน ‘ผีผู้หญิง’ เป็นฝันร้ายที่เกิดขึ้น เหมือนผีที่ตามหลอกหลอน

และถ้าหากเทียบกับผลงานก่อนหน้าสิ่งที่เป็นเสน่ห์ของเพลงนี้ก็คือรีฟกีตาร์ที่โดดเด้นขึ้นมาอย่างชัดเจน และจังหวะกรูฟของกลอง และเบสที่เพิ่มเข้ามาแล้วให้ความรู้สึกแน่น และชัดเจนมากขึ้น ส่วนความแตกต่างก็แน่นอนว่าเป็นเรื่องของเครื่องดนตรี ที่พัฒนาขึ้นทุกชิ้นมีความเป็นฟูลแบนด์มากขึ้น เพราะลาวินคำนึงการเล่นสดมากขึ้นด้วย อยากให้เห็นถึงเสียงของเครื่องดนตรีแต่ละชิ้นเยอะขึ้น เพราะแต่ละเครื่องดนตรีก็มีลูกเล่นที่แตกต่างกัน



“ผมก็คิดถึงการเล่นสดมากขึ้น เพราะถ้าเล่นเต็มวงก็จะมีเครื่องดนตรีที่หลากหลายมากขึ้น เวลาคิดพาร์ทดนตรีก็ต้องคำนึงการเล่นจริงมากขึ้น คือเมื่อก่อนทำเพลงคนเดียวก็จะไม่มีกลองจริง แต่พอเราทำเพลงนี้แล้วคิดถึงการเอาไปเล่นสด ในส่วนของการคิดเราก็จะออกแบบดนตรีให้มันชัดเจนมากขึ้น การอัดเสียงก็หลากหลายมากขึ้น จริงจังมากขึ้น ไปอัดเสียงที่สตูดิโอมากขึ้นมากกว่าแต่ก่อน ที่ผมทำเพลงแบบโฮมสตูดิโอ (หัวเราะ) จากตอนแรกที่อัดในห้องนอนตัวเอง เมื่อก่อนแทบจะไม่มีความรู้เลย ไม่รู้ว่าต้องยืนตรงจุดไหน หรือทิศไหนของไมค์ ไม่รู้ว่าต้องมีฟิลเตอร์กันลม เสียงพีคคืออะไร ไอ่เสียงพีคที่ขึ้นกระพริบแดง ๆ ผมก็พึ่งจะมารู้นี่แหละครับ (หัวเราะ) ก็อาศัยครูลักพักจำไปด้วย ไม่ก็ศึกษาเองจากยูทูปไปด้วย ถามคนอื่นที่เขามีประสบการณ์ ความรู้ทางด้านนี้ด้วย หรือในเพลงเก่ามันมีข้อบกพร่องตรงไหนเราก็ไปขอคำชี้แนะ คำแนะนำจากคนอื่น”

โดยความท้าทายที่ยากที่สุดของเพลงนี้สำหรับลาวินคือ ก่อนที่จะมีการอัดเพลงนี้ต้องมีการทำเดโมขึ้นมา และการอัดไกด์ก็มี ความยากหรือข้อจำกัด คือเป็นที่สกิลในการถ่ายทอดออกมาที่มีส่วนทางกับความต้องการที่อยากได้
ดังนั้นก็ต้องคิดเผื่อด้วยว่าตัวเขาเองไม่ได้สามารถถ่ายทอดออกมาได้หมดในเดโมนั้น“ผมก็ต้องพยายามคิดเผื่อว่าจะอัดเดโมในส่วนของตัวเองยังไง ให้สามารไกด์คนที่ไปอัดจริงได้ในทิศทางที่เราต้องการงี้ครับ เป็นการชาเลนจ์ตรงนั้นมากกว่าว่าจะทำยังไงให้ไปถึงในระดับที่เราอยากได้ เพราะบางทีผมก็พูดออกมาไม่ถูกก็พยายามใช้ดนตรีพูดแทน”

ลาวินตั้งเป้าหมายไว้ว่าหลังจากที่ปล่อยเพลงนี้ออกมาก็พยายามที่จะทำผลงาน ต่อมาให้มีระยะห่างจากกันไม่มากให้มีความต่อเนื่อง และอยากลองทำให้เครื่องดนตรีหลากหลายมากขึ้น

“ผมอยากใส่เครื่องดนตรีเข้าไปอีกในเพลงต่อ ๆ ไปให้เพิ่มมากขึ้น อาจจะออกมาเป็นอีกแนว หรืออีกกรูฟหนึ่งที่ไม่ได้ให้ความรู้สึกเป็น Funk มันอาจจะเป็น Accoustic ก็ได้ เพราะผมอยากลองอัด Accoustic แบบเต็มที่มากขึ้นครับ รู้สึกว่ามันน่าจะท้าทายดี และหลากหลายมากขึ้น”

และลาวินก็คาดหวังไว้ว่าถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะลองเริ่มเล่นบนเวทีเล็ก ๆ ก่อน เพราะยังไม่เคยเล่นเต็มวงจริงจัง หรือในนามศิลปินที่เล่นสดก็นับได้ว่ายังไม่เคยเลย


สุดท้ายลาวินอยากให้ทุกคนได้ลองฟังเพลง ‘เมื่อเธอเดินจาก’ เพราะหลังจากได้มาลองทำด้วยเครื่องดนตรีที่มีส่วนผสมของความเป็นฟูลแบนด์แล้วก็เป็นสิ่งที่เจ้าตัวเองอยากสื่อออกมาอย่างเต็มที่มาโดยตลอด 

“อยากให้ทุกคนได้ลองฟังกันนะครับ มันต่างจากผลงานที่เคยทำก่อนหน้านี้คนเดียวแน่นอนครับ จะได้เห็นพัฒนาการความแตกต่างระหว่างตอนทำแบบโฮมสตูดิโอ กับสตูดิโออัดเพลงจริง ๆ ครับ รวมไปถึงคุณภาพ ทิศทาง กระบวนการทำงานก็อยากให้ฟังกันเพราะจะรู้สึกได้จากการฟังเพลงนี้ครับ